# การเลือกใช้ วัสดุยาแนว ให้ถูกประเภท

เริ่มเข้าหน้าฝนกันแล้วหลายคนเริ่มมีปัญหาเรื่องน้ำรั่วซึม ตามรอยต่อต่างๆ จึงขอนำเอาการเลือกใช้วัสดุยาแนวที่ถูกประเภท มาเป็นความรู้กัน โดยเอาบทความที่คุณ Predoni แบ่งปันไว้ในพันทิป ส่งต่อเป็นความรู้ให้กับทุกๆ ท่าน จะได้เลือกใช้วัสดุให้ตรงกับปัญหาที่เกิด จะได้หมดกังวลกับรอยรั่วซึมในหน้าฝนนี้

เริ่มต้นเราก็มารู้จักกันก่อนแล้วกันนะครับว่าวัสดุยาแนวหรือ ซีลแลนท์ (Sealant) คืออะไร

Sealant หรือที่หลายๆคนเรียกว่าซิลิโคน คือวัสดุที่นำมาใช้ปิดรอยต่อโดยมีจุดประสงค์หลัก 2 อย่าง

1. ปิดรอยต่อ (seal) ซึ่งตรงกับที่หลายๆท่านถามหากันนั่นแหละครับ "ทำอย่างไรดีคะ เมทัลชีทน้ำรั่ว?"
"ช่วยด้วยครับ ผู้รับเหมาสร้างบ้านเสร็จ เก็บงานเรียบร้อย แถมน้ำตกไว้ให้ด้วยครับ" หรือรั่วมาทางพื้น ทางกระจก อลูมิเนียมวงกบ และอื่นๆอีกมากมาย

2. ยึดติดวัสดุ (เป็น adhesive) ก็ตรงตัวครับ ใช้แทนกาวอย่างเช่นที่ท่านๆถามว่า "จะติดบัวเอง ใช้อะไรติดดีครับ?" นั่นแหละครับ

Sealant มีกี่ชนิด อะไรบ้าง

ตอบตรงๆก็หลายชนิดมากครับ ขึ้นอยู่กับสารตั้งต้น แต่ในที่นี้จะพูดถึงที่ใช้กันเยอะๆในตลาดบ้านเราละกันนะครับ

เกณฑ์หลักๆที่นำมาใช้แยกประเภทก็คือความยืดหยุ่น (Movement Capability)

ชนิดที่ 1. Acrylic (Movement <= 12.5%)
ชนิดที่ 2. Silicone (1k, 2k) (Movement <= 25.0%)
ชนิดที่ 3. Poly Urethane (PU) (1k, 2k) (Movement <= 35%)
ชนิดที่ 4. Hybrid

Sealant ชนิดที่ 1

1. Acrylic หรือ อะครีลิค คือวัสดุที่เรารู้จักกันในนามของแด๊ป (DAP) ที่เวลาช่างอลูมิเนียมจะทำอะไรๆ
ก็มักจะบอกว่าใช้ DAP ซึ่งจริงๆแล้ว DAP คือยี่ห้อหนึ่งของผลิตภัณฑ์ Sealant ที่กลายเป็นชื่อสามัญของ Acrylic ไปแล้ว

การใช้งานหลักๆของ Acrylic ที่ใช้กันก็คือใช้ปิดรอยต่อของกำแพงกับวงกบ
ถ้าถามว่าใช้ได้หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าใช้ได้ แต่ถ้าถามว่าเหมาะหรือไม่ ต้องตอบว่าไม่เหมาะครับ เพราะคุณสมบัติ
ของ Acrylic นั้นจริงๆแล้วจะไม่เหมาะกับการใช้งาน outdoor ซํกเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นงาน indoor ก็ไม่มีปัญหาครับ

คุณสมบัติโดยทั่วไปของ Acrylic
- ราคาถูก
- ทาสีทับได้
- ความยืดหยุ่น 12.5% (แต่ที่ใช้ในวงการแทบจะไม่ยืดหยุ่นเลย)
- เหมาะกับการใช้งาน indoor

ในปัจจุบัน มีผู้รับเหมา และ ทางผู้ ใช้งานเอง  มี ความเข้าใจผิด เป็นอย่างมาก ผมเคยเห็นทางผู้ รับเหมา ใช้ ตัว อะครีลิค คุณภาพต่ำ ใช้ ยาแนว ทั้งภายนอกและภายใน  ซึ่งแน่นอน เป็นการ ลดcost และ ใช้ งานได้ไม่ถูกวิธี

Sealant ชนิดที่ 2

2. Silicone หรือ ซิลิโคน เป็นวัสดุที่ใช้ปิดรอยต่อที่มีแยกย่อยอีกหลายชนิดเช่น

- ซิลิโคนชนิดมีกรด จะมีกลิ่นเปรี้ยวๆ คล้ายๆน้ำส้มสายชู ใช้ยึดวัสดุที่มีความมันเงา เช่นกระจก หรือ สเตนเลส

- ซิลิโคนชนิดเป็นกลาง ใช้ยึดวัสดุที่มีรูพรุน เช่น ไม้ ปูน อันนี้ต้องระวังนิดนึงครับ ช่างกระจกบางคนกลัวลูกค้าเหม็นกลิ่นกรด เลยใช้ชนิดเป็นกลางยิงกระจก แถมคิดเงินเพิ่มโดยบอกว่าใช้ของดี ไม่มีกลิ่น ฝากเขกกะโหลกไปทีนึงครับ แล้วบอกว่ามันไม่ได้ใช้ สำหรับติดกระจกเฟร้ย

- ซิลิโคนชนิดมีสารต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อรา ส่วนมากใช้กับงานห้องน้ำและครัว อันนี้ในความเป็นจริงควรจะระบุว่าต่อต้าน
 (ชั่วคราว)ไปด้วยนะ เพราะไม่มีซิลิโคนตัวไหนที่ต่อต้านได้อย่างถาวร เพราะงั้นช่างคนไหนบอกว่า "ใช้ตัวนี้เลยพี่ ราไม่ขึ้น เอาคอ
 เป็นประกันได้เลย"เนี่ย ลับมีดรอได้เลยครับ ถ้าถามว่าแล้วทำไงดี ไม่อยากให้เชื้อรามาขึ้นเป็นดวงๆ อุจาดตาอ่ะ คำตอบมี 2 อย่างครับ

 คือ 1. ลอกแล้วยิงใหม่บ่อยๆ
       2. ใช้ซิลิโคนสีดำครับ ขึ้นแล้วจะมองไม่เห็น แต่ถ้าเป็นราขาวก็ซวยไป 555

- ซิลิโคนสำหรับงานพิเศษประเภทสัมผัสอาหารได้ กันไฟ

ซิลิโคนยังแบ่งเป็น 2 ชนิดคือซิลิโคน 100% และซิลิโคนผสม ซึ่งความแตกต่างหลักๆคือ ซิลิโคนผสมเมื่อแห้งแล้วจะหดตัวประมาณ 10-20%

คุณสมบัติโดยทั่วไปของ Silicone
- ราคาแพงขึ้นมาหน่อย
- ทาสีทับไม่ได้
- มีความมันเงา สวยงาม
- ความยืดหยุ่น 25%
- เหมาะกับการใช้งาน indoor & Outdoor

Sealant ชนิดที่ 3

3. Poly Urethane (PU) การใช้งานของ PU ทั่วๆไปคือการใช้ปิดรอยต่อเมทัลชีท ปิดรอยต่อของแผ่นพรีคาสท์หรือใช้ในอุตสาหกรรมเฉพาะทาง ผู้รับเหมาบางคนเรียก PU ว่า NP1 ด้วยความคุ้นเคยหรือเรียกตามคนอื่นๆ ซึ่งจริงๆแล้ว NP1 เป็นรุ่นของ PU รุ่นหนึ่งของ BASF เท่านั้น แต่เนื่องจากเป็นเจ้าตลาด ทำให้ใครๆก็เรียกหา NP1 เมื่อต้องการใช้ PU ที่หนักกว่านั้น

Sonolastic NP 1 กาวยาแนวโพลียูรีเทนยาเเนว 
เป็นกาวยาแนวโพลียูรีเทนสำหรับงานยาแนวรอยต่อต่างๆ มีความแข็งแรง ทนทาน และมีความยืดหยุ่นสูง เน้นงานโครงสร้างของอาคาร มีความแข็งแรงทนทานแห้งแล้วไม่หดตัวและมีความยืดหยุ่นสูงเน้นใช้ยาแนวรอยต่อระหว่างวัสดุต่างๆงานโครงสร้างของอาคาร ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เป็นสารเคลือบปิด กันการรั่วซึม ประเภทโพลียูรีเทน ซีลแลนท์ ยึดตัวเร็ว ติดทนนาน มีความยืดหยุ่นสูง ทาสีทับได้ ใช้เชื่อมรอยแตกร้าว รอยต่อโครงสร้างอาคาร รอยต่อปูน ผนังสำเร็จรูป ป้าย ไม้อลูมิเนียม เหล็ก กระจก หลังคา โพลีคาร์บอเนต ห้อง Clean Room ฯลฯ 
ข้อแนะนำในการใช้ 
-รอยต่อพื้น (Expansion joints) -แนวรอยต่อระหว่างวัสดุต่างชนิด 
-งานท่อดักท์ -แนวรอยต่อระหว่างกระเบื้องติดผนังกับพื้น (งานภายในอาคาร และภายนอกอาคาร) 
คุณลักษณะพิเศษ 
-แห้งแล้วไม่หดตัว (Non-shrink) -เป็นสารที่ทนรังสีอุลตราไวโอเรส (U.V. resistant.) 
-ทาสีทับได้ -มีความยืดหยุ่นตัวสูง 800 % 
ข้อแนะนำเวลาปฏิบัติงาน 
•ผิวหน้างานที่ใช้ต้องสะอาด ปราศจากฝุ่น น้ำมัน คราบสกปรก 
•ใช้ปืนสำหรับยิงประกอบเข้ากับตัวสินค้า และซีลบริเวณรอยต่อตามขนาดความกว้าง ความลึกของรอยต่อ 
•ระยะเวลาแห้งตัว ควรทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง 
ข้อมูลทางเทคนิค 
ทนอุณหภูมิ : - 40ํ C ถึง + 180 ํ C/ระยะเวลาการทำงาน: 20- 30 นาที ระยะเวลาการแข็งตัว 24 ชั่วโมง การป้องกันเคมี:ป้องกันกรดอ่อนๆ และด่างได้ ได้ผ่านมาตรฐาน ASTM DH12 
ปริมาณ สุทธิ 300 ml. ขนาดบรรจุ 30 หลอด/กล่อง 

ผู้รับเหมาหลายๆท่านยังเรียกว่า Silicone NP1 ด้วยความที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า PU กับ Silicone นั้นต่างกันอย่างลิบลับ

คุณสมบัติโดยทั่วไปของ PU
- ราคาแพงขึ้นมาอีกหน่อย
- ทาสีทับได้
- ความยืดหยุ่น >25% บางรุ่น 50%
- เหมาะกับการใช้งาน indoor &  Outdoor
- มีทั้งกันเสียง ป้องกันการเติบโตของเชื้อรา กันไฟ กันน้ำมัน เยอะ



เพิ่มเติมโดยคุณ system door

ส่วนตัว Poly Urethane (PU) เอง  ผมเองและช่าง เรียก มันว่า ไส้กรอกครับ

555 เนื่องจาก ลักษณะการ บรรจุ เหมือน ไส้กรอกครับ

 ตัว ปืนที่ยิงที่จะใช้นั้นก็ต่างกับ ปืนยิง กาว ทั่วไป   ปืนยิงกาว ทั่วไปเรา คง จะทราบกันอยู่แล้ว


ลักษณะเป็นแบบนี้ครับ

อันนี้เป็นปืนที่ ใช้ยิง  Poly Urethane (PU)

ส่วนตัว   Poly Urethane (PU )  เอง ใน ปัจจุบัน นั้น มี ให้เลือกในการ ใช้งาน
ทั้งแบบ ใช้ ปืนยิง แบบ กระบอกโดยเฉพาะ  หรือ มีแบบ ใช้งาน ง่าย ที่ ใช้กับปืนแบบทั่วไป

 แบบที่เป็นหลอด (300 ml) กับแบบที่เป็นไส้กรอก (600 ml) เนี่ย ส่วนผสมทุกอย่างจะเหมือนกัน
จะแตกต่างกันก็คือเรื่องของขนาดบรรจุและวัสดุของห่อ ซึ่งก็จะทำให้ราคาต่างกันด้วย
อย่างในเรื่องของราคา ตัวไส้กรอกก็จะแพงกว่าแบบหลอดประมาณ 50-70% ครับ ถ้าใครต้องการใช้เยอะๆก็นะนำว่าใช้ไส้กรอกคุ้มกว่าเยอะครับ

แต่ก็มีในบางกรณีที่ผู้รับเหมาบางท่านใช้เยอะแต่ก็ซื้อแบบหลอดไปใช้เนื่องจากติดขัดในเรื่องของพื้นที่ทำงาน
ซึ่งค่อนข้างจะแคบและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากตัวปืน+ไส้กรอกด้วยครับ พิจารณากันให้ดีก่อนใช้นะครับ

เรื่องของปืนยิงกาวอย่างที่คุณ systemdoor แนะนำก็จะไม่ต่างกันมากในตลาดบ้านเราครับ
แต่ถ้าเป็นปืนยาวยิงไส้กรอกเนี่ย ขอเพิ่มข้อมูลเพื่อการพิจารณาใช้ครับ
เนื่องจากปืนยาวจะมีความแตกต่างในเรื่องของวัสดุเล็กน้อยซึ่งจะส่งผลต่อผู้ยิงโดยตรงครับ
โดยเฉพาะตรงตัวดันหลังสปริงกับ ด้ามจับ ถ้าจับแล้วรู้สึกมันไม่ดีนี่ไม่แนะนำให้ใช้ครับ ยิงแล้วเมื่อยเร็วมาก

Sealant ชนิดที่ 4

4. Hybrid ช่วงนี้กระแส Hybrid กำลังมาแรง ขอพูดเรือง Hybrid หน่อยลละกัน แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์นะครับ
Hybrid จะเป็นวัสดุที่สังเคราะห์ขึ้นมาโดยจะนำคุณสมบัติที่ดีของ PU กับ ซิลิโคนมารวมกัน โดยจะมีราคาแพงลิบลิ่วชนิดหาที่เปรียบมิได้

เพิ่มเติมอีกหน่อยสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเดียวกันก็คือ กาวตะปูครับ ใช้ยึดวัสดุแทนตะปู

กาวตะปูหน้าตาก็จะเหมือนๆกับกาวยางที่เรารู้จักกันน่ะครับ
คุณสมบัติโดยทั่วไป ผมไม่แน่ใจว่าจะเหมือนกันทุกยี่ห้อรึเปล่านะครับ
- ทนความร้อน
- กันน้ำ
- ยึดวัสดุได้ดีกับ ไม้ เหล็ก ปูน อิฐ ยาง โฟม เซรามิค ไฟเบอร์กลาส และอีกมากมาย

โดยปกติแล้วจะใช้งานติดบัว คิ้วต่างๆ รวมถึงติดกระจกเงาครับ

ซึ่งตรงจุดนี้ขออนุญาตติงไว้นิดนึงครับ เพราะจริงๆแล้วยังไม่เคยเห็นผู้ผลิตแนะนำให้ติด
กระจกโดยไม่ต้องมีหมุดยึด แต่เห็นผู้รับเหมาชอบทำกันจังเลย น่ากลัวอ่ะ

แบ่งปันประสปการณ์โดยคุณ Moonlight Sonata
>บ้านของลูกผม ช่างตกแต่งภายใน ใช้กาวตะปูเป็นตัวยึดกระจกเงาแผ่นใหญ่ขนาดเท่ากำแพง ยึดติดกับไม้อัดที่ยึดติดด้วยตะปูกับผนังอิฐก่อนครับ โดยหลังจากยึดติดกับไม้อัดแล้ว นำไม้ค้ำยันไว้ประมาณ ๗ วัน แล้วค่อยเอาไม้ค้ำยันออกครับ

ผมเคยถามว่า "แล้วมันจะยึดอยู่หรือ?" ช่างตอบว่า มั่นใจว่ายึดอยู่ เพราะว่าผิวไม้อัดไม่เรียบลื่นเหมือนผิววัสดุอื่น ทำให้กาวตะปูยึดเกาะได้ดีครับ

บ้านของลูกผม มีกระจกเงาแผ่นใหญ่ๆ ที่ยึดติดเช่นนั้นอยู่มากมาย ยึดติดมา ๒ ปีแล้ว ยังคงอยู่ดีครับผม

คำถามจากคุณ ไฟลามทุ่ง
ซิลิโคน  แบบเปรี้ยว กับ ไม่เปรี้ยว

มีข้อเหมือนหรือแตกต่างในการใช้งานอย่างไรบ้างครับ


ซิลิโคนแบบเปรี้ยวหรือแบบมีกรดใช้เพื่อยึดวัสดุที่มีความมันเงา
เช่น กระจกกับอลูมิเนียม จะยึดได้ดีกว่าแบบไม่เปรี้ยว (เป็นกลาง)
แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างเช่น กลิ่นเหม็น แล้วก็ไม่ควรนำไปใช้กับวัสดุ
ที่ทนการกัดกร่อนของกรดไม่ได้ เช่น เหล็กที่ไม่ได้เคลือบ ท่อลม เป็นต้นครับ

ซิลิโคนแบบไม่เปรี้ยว (เป็นกลาง) ใช้เพื่อยึดวัสดุที่มีรูพรุน เช่น ปูน ไม้ อิฐ
ไม่แนะนำให้ใช้ยึดกระจกเพราะจะมีแรงยึดเหนี่ยวกับกระจกค่อนข้างต่ำ
ราคาจะเท่ากับแบบมีกรดหรือสูงกว่าเล็กน้อยครับ

ในการใช้งานจริง แบบมีกรดจะขึ้นราช้ากว่าแบบไม่มีกรดครับ

คำถามจากคุณ สามช่า

รบกวนถามเทคนิคการยิงซิลิโคนให้สวยงาม  เนียนเรียบ ด้วยครับ
ยิงเองทีไร เละทุกที  ไม่สวยเหมือนที่ช่างยิง

และถ้าจะลอกซิลิโคนออก  ใช้น้ำยาอะไรลอกได้บ้างครับ   มีเทคนิคการลอกยังไงบ้างครับ

เรื่องการยิงให้สวยเนี่ยมันเป็นศิลปะและความชำนาญเท่านั้นเลยครับ
แต่ถ้าช่วยได้นิดนึงก็คือปกติช่างเค้าจะตัดก้นหลอดที่ใช้แล้วมาเป็นตัวปาดอ่ะครับ
คือใช้ความโค้งของหลอดมาปาดอ่ะครับ มันจะได้องศาความโค้งสวยงามพอดีครับ

ส่วนเรืองการลอกซิลิโคน ดีที่สุดคือ มีดคมๆ ถ้าไม่สะดวกก็ต้องใช้พวก acetone
หรือ ทินเนอร์ครับ แต่ต้องระวังพื้นผิวหน่อยครับว่ามันทำปฏิกิริยากันหรือไม่
หรืออีกวิธีก็คือใช้เบคกิ้งโซดาผสมน้ำมะนาวเล็กน้อย แล้วใช้แปรงสีฟันเก่ามาขัด
หรือใช้ผ้าชุบแล้วเช็ดแรงๆก็ได้ครับ

อีกวิธีก็ต้องซื้อตามโฮมโปรแหละครับ มีสำเร็จรูปครับ

แบ่งปันจากคุณพ่อน้องโบนัส
การยิงซิลิโคนให้สวยงามเรียบและเงา  ไม่รู้จะถูกหลักหรือเปล่า แต่ผมก็ใช้แบบนี้ครับ คือ ติดเทปกาวก่อนตามแนวที่จะยิง แล้วก้ยิงซิลิโคนแล้วเอาก้นหลอดนะครับ บีบเข้าหาเล็กน้อยแล้วก็รูดไปในทางเดียวกัน จากนั้นก็เอาสเปรืยฉีดกระจกน้ำยาเช็ดกระจกนะครับ ฉีดบริเวณที่ยิงแล้วเอานิ้วปาดอีกทีครับจะไม่ติดมือและจะเรียบและกดเข้าไปในพื้นที่มากขึ้นครับ ตรงไหนเป้นช่วงรอยต่อซิลิโคนหรือไม่เรียบกเอาน้ำยาเช็ดกระจกแีดๆๆแล้วก็มือปาดเอาครับ แล้วค่อยลอกเทปกาวออก ก้จะสวยงามมาก เส้นจะเป็นแนวตรงครับ

ส่วนการลอก ผมใช้พวกเป่าลมร้อนเป่าสักพักแล้วก็คัตเตอร์กรีด แล้วก็ดึงออกครับ
เทคนิคเล็กๆๆครับส่วนตัว สว่นตั้ว
หรือจะใช้อุปกรณ์ช่วยตามนี้

มีดปาด

มีดขุด

คำถามจากคุณวี

ตอนนี้ห้องครัวน้ำเข้าทางฝ้าเพราะห้องครัวต่อเติมทีหลัง

ปูนมันแตกไม่เป็นเนื้อเดียวกันควรใช้แบบไหนดีครับ

และควรทำความสะอาดพื้นผิวยังไงดีของเก่าควรลอกออกยังไงให้สะอาดที่สุดครับ

ต้องให้แดดจัด ๆ ส่องกี่วันครับถึงจะอุดได้

1. การลอกออก ถ้าพอมีพื้นที่ที่จะทำงานได้สะดวกแนะนำใช้มีดครับ แล้วตามไปขัด

เพื่อเก็บเศษที่ยังไม่หมดด้วยเบคกิ้งโซดา+น้ำมะนาว+น้ำครับ

2. เตรียมพื้นผิว ใช้ทินเนอร์ก็ได้ครับเช็ดทำความสะอาดให้เอี่ยมเลยครับ

3. การปิดร่อง ถ้าเป็นร่องที่ยังไม่ใหญ่มาก (<5mm.) สามารถใช้ PU ยิงได้เลยครับ

เพราะ PU จะยึดเกาะปูนได้ดีมากกว่าซิลิโคน แต่ถ้าเป็นร่องค่อนข้างใหญ่ก็แนะนำ

ให้ใส่โฟมเส้นลงไปในร่องก่อนเพื่อลดปริมาณการใช้ PU ครับ 

4. ถ้ามันเปียกฝนจนชุ่มจริงๆ ก็ขอให้โดนแดดจัดๆซักอาทิตย์นึงก็หรูแล้วครับ 

เพราะถ้าจะรอให้แห้งสนิทจริงๆนี่คงต้องหน้าร้อนล่ะครับ

คำถามจากคุณ apright

ผมทำที่กั้นน้ำท่วมแบบเป็นเหล็กแผ่น จะใช้ sealant ตัวไหนอุดรอยระหว่างเหล็กกันปูนครับ

สำหรับงานจมน้ำเนี่ยเราจะต้องใช้ sealant ชนิดพิเศษทีเรียกว่า Immersible sealant ครับ ซึ่งจะมีราคาค่อนข้างสูง

แต่ถ้าใช้เพื่อกันน้ำท่วมชั่วคราวแบบ น้ำมาเดี๋ยวเดียวก็ไป ประเภทนี้ก็ใช้ PU หรือซิลิโคนชนิดเป็นกลางก็ได้ครับ

เรียงตามคุณสมบัติที่ดีที่สุดและราคาสูงทีสุดครับ

- immersible sealant

- PU

- ซิลิโคนชนิดเป็นกลาง

ทางหลังบ้านมีคนสอบถามว่าต่อเติมหลังคาซีเมนต์แล้วมีรอยรั่วใช้ซีเมนท์กันซึมมาทาจะช่วยได้มั้ย

ตอบครับ

แนะนำนิดนึงครับ ตัวซีเมนต์ทากันซึมเนี่ย จุดประสงค์ของผู้ผลิต

ก็คือตามชื่อของมันครับ "กันซึม" ไม่ใช่กันรั่ว เพราะฉะนั้นจริงๆคือ

ต้องก่อ ฉาบ หรือ เท แล้วเทสต์ว่าไม่รั่วแล้วจึงทาซีเมนต์กันซึมครับ 

แต่ถ้าในกรณีที่ไม่มีทางเลือกแล้วก็สามารถนำไปช่วยได้ครับ

ส่วนถ้าเป็นซิลิโคนก็สามารถใช้ได้ครับ แต่ต้องมั่นใจว่าจะไม่ได้แช่น้ำครับ

เพราะซิลิโคนส่วนมากไม่มีคุณสมบัติทนการแช่น้ำครับ

ยกเว้น Immersible Sealant แต่ไม่แน่ใจว่าจะหาซื้อได้รึเปล่า อาจต้องถามทางผู้รับเหมาสระว่ายน้ำก็ได้ครับ

คำถามจากคุณ Paytai

หน้าโต๊ะหินแกรนิตกับขาเหล็ก ควรใช้ ซีลแลนท์ แบบไหนดีครับ ขอบคุณครับ

> ตอบคุณ paytai ใช้ซิลิโคนแบบที่เป็นกลางได้เลยครับ ถ้าจะให้ดีใช้แบบซิลิโคน 100% จะดีมากเลยครับ

คำถามจากคุณ dekpang

รบกวนถามหน่อยคะ ถ้าจะต่อเติมหลังบ้านโดยใช้แผ่นวีว่า เสริมไปบนกำแพงบ้านของโครงการ จะใช้แบบไหนยึดดีค่ะ และมีอายุการใช้งานกี่ปี ขอบคุณค่ะ

ตอบคุณ dekpang  ใช้ซิลิโคนแบบที่เป็นกลางได้เลยครับ ถ้าจะให้ดีใช้แบบซิลิโคน 100% จะดีกว่า 

หรือถ้าดีที่สุดก็ใช้ PU เลยครับ

แต่ต้องเข้าใจนะครับว่าซีลแลนท์พวกนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อปิดรอยต่อนะครับ 

ไม่ได้เอาไปใช้รับน้ำหนักของวีว่าบอร์ดนะครับ และอย่าลืมว่าไม่ควรจะมีน้ำขังด้วยนะครับ


Credit: K. Predoni